บล็อคนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ในการแลกเปลี่ยน ความคิด ระหว่างเรื่องความรัก

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

14 อาการ แอบรัก

เวลาที่คุณแอบรักหรือแอบชอบใครคนนึง คุณมีอาการแบบนี้กันรึป่าว

อยากเห็นหน้าไม่งั้นบ้าตาย
คิดถึง…ตั้งแต่ตี่นนอน..จนถึงเข้านอน.. หรือไม่ก็ฝันมันซะเลย ไม่เว้นแม้แต่เข้าห้องน้ำ
เห็นหน้าเขาคนนั้นทีไร หัวใจก็เต้นโครมครามโดยไม่มีเหตุผล
แอบมองเขาทั้งระยะใกล้และระยะไกล ไม่ให้เขารู้ตัว ไม่กล้าสบตา เดี๋ยวเขารุ้
เกาะติดสถานการณ์ เห็นเขาอยู่ไหน พยายามพาตัวเข้าไปใกล้ๆ
อยากรู้จัก อยากพูดคุย อยากได้ยินเสียง อยากยิ้มให้
โรแมนติกขึ้นมาหน้าตาเฉย มีการพับดาวใส่ขวด เขียนกลอน เพ้อรำพึงรำพัน
เห็นเขาเดินกับใคร คุยกับใคร หัวใจปั่นป่วนจวนจะระเบิด
หวั่นไหวไปกับเสียงเพลง และมิวสิควีดีโอ แอบยิ้มหวานคนเดียว
ห่วงใยความสวยของตัวเอง อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
สืบเสาะแสวงหาข้อมูลส่วนตัวของเขา เกิดวันไหน เรียนห้องอะไร บ้านอยู่ไหน เบอร์โทรอะไร หาให้วุ่น
อยากรู้ว่าเขาชอบอะไร ดูหนังฟังเพลงแบบไหน อะไรนะที่เป็นของโปรด
เริ่มคิดหนักว่าเขามีใครเป็นหวานใจรึยัง แล้วอย่างเราเนี่ยเสป็คเขารึเปล่า เริ่มจินตนาการต่างๆนานา
เริ่มบนบานศาลกล่าว ผ่านดวงดาว ลมหนาว ดวงจันทร์ ยันดวงอาทิตย์ ช่วยให้สมหวังทีเท๊อะ
หากคุณมีอาการเหล่านี้เพียง5ข้อ ก็ให้รู้ตัวไว้นะว่า คุณน่ะ แอบชอบเค้าเต็มเปาแล้วหละ (แอบรักใคร ก็บอกเค้าให้รู้ตัวนะคะ บางที อาจจะใจตรงกันอยู่ก็ได้)

ที่มา:http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=656863&chapter=19

ส่งจดหมายให้ความรัก

สวัสดี….ความรัก
ความจริงการเขียนจดหมายถึงเธอ
ก็เปรียบเหมือนเขียนจดหมายถึงคนที่ไม่รู้จักกันดีนัก
โดยเฉพาะกับเธอด้วยแล้ว เวลาเห็นจดหมายฉบับนี้ก็คงงงมากเลย
แน่นอนแหละ ก็เธอไม่เคยแม้แต่จะแวะมาทักทายกับฉันเลยนี่
ผิดกับฉัน....ที่เฝ้าวิ่งตามเธอเพื่อหวังที่จะได้ทำความรู้จักกับเธอสักครั้งหนึ่ง
ก็มีแต่เธอนั่นแหละที่เหมือนจะวิ่งหนีฉัน
ไม่ยอมแม้กระทั่งหันมามามองคนอย่างฉันเลย
ฉันเหนื่อยมากนะกับการวิ่งตามเธอ
เหนื่อย...จนบางครั้งอยากจะหยุด
หยุด...เพียงเพื่อหวังว่าเธอจะหันมาเห็นใจคนอย่างฉันบ้าง…......
...........แต่เปล่าเลย เธอกลับวางเฉย ไม่สนใจฉันเหมือนเคย............
ฉันจึงได้รู้จักเธอแต่เพียงฝ่ายเดียว
ฉันไม่เข้าใจเธอเลย ทำไม...เธอจึงเมินเฉยกับฉันนัก
ฉันจำได้ว่า ฉันไม่เคยมองเธอในแง่ลบเลย
ฉันมองเธอด้วยความชื่นชมเสมอ
เธอคือสิ่งสวยงามที่สุด ที่ใครๆ ก็อยากได้รู้จักกับเธอ
มีหลายต่อหลายคนได้รู้จักกับเธอ
คนเหล่านั้นพูดถึงเธอไว้มากมาย
..... บ้างก็ว่าเธอช่างแสนดี ทำให้ชีวิตของเค้ามีค่า
.....แต่บางคนก็ว่าเธอคือสิ่งที่ทำลายชีวิตเค้าทั้งชีวิต
ฉันไม่เคยเชื่อใคร.........
ฉันรอว่าสักวันหนึ่งฉันจะต้องรู้จักกับเธอด้วยตนเองให้ได้
มีบางครั้ง....ที่ฉันได้เข้าใกล้เธอ
แต่นั่น....ก็เป็นเพียงฉันคิดไปเองเท่านั้น
คิดว่าเธอหยุดรอฉัน ........
เปล่าเลยเธอยังคงห่างไกลจากฉันอยู่......เหลือเกิน
บางทีฉันก็แปลกใจนะ ........
ว่าทำไมกับคนที่เห็นความสำคัญของความรักอย่างฉัน
เธอกลับทำเหมือนมองไม่เห็น มองข้ามอยู่ตลอดเวลา
แต่กับคนบางคนที่เค้าไม่อยากแม้แต่จะหยุดทักทายเธอ ทำความรู้จักกับเธอ
เธอกลับอยากรู้จักกับเค้านักหนา พยายามให้เค้าได้รู้จักในตัวตนของเธอ
ซ้ำบางครั้งเค้าเอ่ยปากไล่เธอไปให้พ้น ..... แต่เธอก็คงอยู่กับเค้า
ยังคงให้ความสนิทสนมกับเค้าครั้งแล้ว...ครั้งเล่า
….......แต่กับฉันเธอกลับวางเฉยได้อย่างไม่สะทกสะท้านใดๆ เลย
ฉันมันไม่คู่ควรได้รู้จักกับเธอ….....
ฉันอยากรู้จริงๆ เลยว่าเธอใช้อะไรเป็นเครื่องวัดล่ะ
ว่าใครควรได้รู้จักกับเธอ
แล้วฉันคนนี้ล่ะ....จะต้องทำอะไร....อีกสักเท่าไหร่
ฉันจะต้องวิ่งตามเธออีกนานแค่ไหน
ฉันน่ะไม่หวังที่จะได้คำตอบจากเธอหรอก
เพียงแค่อยากจะบอกให้เธอรู้ไว้เท่านั้นเอง ว่า….
ยังมีคนอีกคนหนึ่งนะที่เฝ้าจะได้รู้จักกับเธอ
ก็แค่เตือนเธอเท่านั้นเอง
เผื่อบางทีในบัญชีรายชื่อของเธออาจจะตกชื่อของฉันไปก็ได้นะ
อยากรู้จักกับเธอมากที่สุด

ปล.วันได้ที่ฉันหยุดวิ่งตามเธอ หวังไว้เธอคงหันมาสนใจทักทายฉันบ้าง
และวันใดที่ฉันได้รู้จักกับเธอ
วันนั้นฉันจะเขียนจดหมายพร้อมของขวัญกล่องใหญ่ไปให้นะจ๊ะ
จากคนที่เฝ้อคอย..................ความรัก

ที่มา:http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=656863&chapter=8

10 ประโยครัก

1. ถ้าแผ่น VCD คือ ความรัก คงจะไม่มีเทคโนโลยีใดๆบนโลกที่จะ อ่านมันได้เข้าใจที่สุด

2. ความรักจะกลายเป็นสิ่งไร้ค่า ถ้าเอามาเป็นตัวแทนของคำโกหก

3. ความรักเป็นบ่อเกิดของความเกลียด แต่จงจำไว้ ถ้าไม่มีเกลียด ก็จะไม่มีรัก

4. ถ้าสเตอริโอ เป็นความรักของคนคนหนึ่งที่มีให้คุณ จงจำไว้ว่า ถ้าตราบใดที่ คุณ ยังไม่เปิด Volume คุณจะไม่มีวันรู้เลยว่าจริงๆแล้วเขารักคุณหรือไม่

5. ทุกครั้งที่คุณด่าคนที่แอบรักคุณว่า "โง่" คุณรู้ไหมว่า คุณ โง่ กว่าเขา 10 เท่า

6. 99.99% ของผู้หญิงบนโลก ที่จะไม่รักผู้ชายที่ไม่มีอะไรเลย ให้เธอ

7. 99.99% ของผู้ชายบนโลก รักผู้หญิงที่ภาพรวม ไม่ใช่ความรู้สึก และนิสัย หรือรูปร่างเพียงอย่างเดียว

8. โชคชะตา กัน พรหมลิขิต เป็นแค่สองสิ่งที่มารวมกัน เพื่อให้คนสองคนได้เจอกันเท่านั้น

9. "คนรักกัน" ก็เหมือนไม้บรรทัด ที่ ทั้งสองด้านมี เรา และ เขายืนอยู่ ถ้าไม่ลองเดินเข้าหากัน มันก็เป็นแค่ "คนที่เห็นหน้ากัน" เท่านั้น

10. ถ้าความรักเปรียบได้ดั่งไม้บรรทัด ที่ทั้งสองด้านมี เราและ เขายืนอยู่ จงเดินเข้าหากันในระยะที่เท่ากัน อย่าทำให้ความสมดุลของความรัก ต้องหักลง


ที่มา:http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=656863&chapter=1

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

รายชื่อนักรบ บ้านบสางระจัน

รายชื่อวีรชนที่ปรากฏในประวัติศาสตร์


1.พระอาจารย์ธรรมโชติ เดิมอยู่วัดเขานางบวช แล้วมาอยู่วัดโพธ์เก้าต้น มีความรู้ ทางวิชาอาคม เป็นที่พึ่งทางใจแก่ชาวค่ายบางระจัน

2.นายแท่น เป็นชาวบ้านสีบัวทอง ถืออาวุธสั้น ถูกปืนของพม่าที่เข่าใน การรบครั้งที่ ๔ เสียชีวิตเมื่อการรบครั้งสุดท้าย

3.นายอิน เป็นชาวบ้านสีบัวทอง

4.นายเมือง เป็นชาวบ้านสีบัวทอง

5.นายโชติ เป็นชาวบ้านสีบัวทอง ถืออาวุธสั้น

6.นายดอก เป็นชาวบ้านกลับ

7.นายทองแก้ว เป็นชาวบ้านโพทะเล

8.นายจัน หนวดเขี้ยว เก่งทางใช้ดาบ เสียชีวิตในการรบครั้งที่ ๘

9.นายทอง แสงใหญ่ ---

10.นายทองเหม็น ขี่กระบือเข้าสู้รบกับพม่า ตกในวงล้อมถูกพม่าตีตายใน การรบครั้งที่ ๘

11.ขุนสรรค์ มีฝีมือเข้มแข็งมักถือปืนเป็นนิจ แม่นปืน

ที่มา:http://www.trueplookpanya.com/true/webboard_detail.php?postid=313&pageNo=1

บางระจัน นักรบไทย

นักรบบางระจันแม้จะมีกำลังเป็นรองฝ่ายพม่า แต่สามารถตอบโต้การโจมตีของข้าศึกจนแตกพ่าย
ไปได้ถึง 7 ครั้ง ความเก่งกล้าสามารถของนักรบบางระจันเป็นที่เกรงกลัวและครั่นคร้ามแก่ศัตรูมากยิ่งขึ้น
จนกระทั่งฝ่ายพม่าวางแผนและเกณฑ์กำลังพลจำนวนมาก มุ่งมาโจมตีค่ายชาวบ้านบางระจันอย่างเต็มที่
ในขณะที่ชาวบ้านบางระจันซึ่งมีกำลังคนน้อย และเสียชีวิตลงไปไม่น้อยจากการรบที่ผ่านมา ประกอบกับ
ไม่มีอาวุธปืนที่มีอานุภาพเพียงพอที่จะรับศึกพม่า จนกระทั่งในที่สุดพม่าสามารถตีค่ายบางระจันแตก
นักรบบางระจันต่อสู้จนเสียชีวิตล้มตายอยู่ในค่ายมากมาย รวมเวลาต่อสู้กับพม่าได้นาน 5 เดือน
การรบครั้งสุดท้ายของชาวบ้านบางระจัน
วีรกรรมของชาวบ้านบางระจัน นับเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ เป็นพลังของประชาชนชาวบ้าน
ธรรมดาที่มีต่อประเทศชาติ สามารถสู้รบต่อต้านข้าศึกด้วยความกล้าหาญ พลังแห่งความสามัคคี
ความรักชาติ อันเป็นแบบอย่างแห่งการเสียสละอันใหญ่หลวง

ที่มา:http://lms.thaicyberu.go.th/officialtcu/main/advcourse/presentstu/course/others/wilaiporn/__132.html

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

อันดับที่ 1 นักรบในตำนาน

อเล็กซานเดอร์ที่ 3 แห่งมาซิโดเนีย (356-323 ปีก่อนคริสตกาล) หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า อเล็กซานเดอร์มหาราช(อังกฤษ: Alexander III of Macedon หรือ Alexander the Great, กรีก: Μέγας Ἀλέξανδρος, Mégas Aléxandros)

เป็นกษัตริย์กรีกจากแคว้นมาซิโดเนีย ผู้สร้างชื่อเสียงมากที่สุดของราชวงศ์อาร์กีด เป็นผู้สร้างจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคโบราณเกิดที่เมืองเพลลา ตอนเหนือของมาซิโดเนีย เมื่อปีที่ 356 ก่อนคริสตกาล ได้รับการศึกษาตามแบบกรีกดั้งเดิมภายใต้การกำกับดูแลของอริสโตเติลนักปรัชญากรีกผู้มีชื่อเสียง สืบทอดราชบัลลังก์ต่อจาก ฟิลิปที่ 2 แห่งมาซิโดเนีย เมื่อปีที่ 336 ก่อนคริสตกาลหลังจากที่พระบิดาถูกลอบสังหารสิ้นพระชนม์ในอีก 13 ปีต่อมาเมื่อพระชนมายุเพียง 32 พรรษา แม้ว่าราชบัลลังก์และจักรวรรดิของอเล็กซานเดอร์จะอยู่เพียงชั่วครู่ยาม แต่ผลกระทบจากการพิชิตดินแดนของพระองค์ส่งผลสืบเนื่องต่อมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ อเล็กซานเดอร์ถือเป็นหนึ่งในบุรุษผู้มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกยุคโบราณ มีชื่อเสียงเลื่องลือในความสามารถทางการรบยุทธวิธี และการเผยแพร่อารยธรรมกรีกไปในดินแดนตะวันออก พระเจ้าฟิลิปทรงนำแว่นแคว้นกรีกโดยมากบนแผ่นดินใหญ่กรีซให้มาอยู่ภายใต้
การปกครองของมาซิโดเนีย โดยใช้ทั้งกลวิธีทางการทูตและทางทหารเมื่อฟิลิปสิ้นพระชนม์ อเล็กซานเดอร์จึงได้สืบทอดราชอาณาจักรที่เข้มแข็งและกองทัพที่เปี่ยมประสบการณ์ พระองค์เป็นที่ยอมรับในด้านการรบจากแว่นแคว้นกรีซ และได้เริ่มแผนการขยายอำนาจแผ่อาณาจักรตามที่บิดาเคยริเริ่มไว้ พระองค์ยกทัพรุกรานดินแดนเอเชียไมเนอร์ภายใต้การปกครองของอาณาจักรเปอร์เซีย และกระทำการรณยุทธ์อย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลาร่วมสิบปี อเล็กซานเดอร์เอาชนะชาวเปอร์เซียครั้งแล้วครั้งเล่านำทัพข้ามซีเรีย อียิปต์ เมโสโปเตเมีย เปอร์เซีย และแบคเทรีย ทรงโค่นล้มกษัตริย์ดาริอุสที่ 3 แห่งเปอร์เซีย และพิชิตจักรวรรดิเปอร์เซียได้ทั้งหมด1 พระองค์ไล่ตามความปรารถนาที่ต้องการเห็น "จุดสิ้นสุดของโลกและมหาสมุทรใหญ่ที่เบื้องปลาย" จึงยกทัพบุกอินเดีย

แต่ต่อมาถูกบีบให้ต้องถอยทัพกลับโดยบรรดาทหารที่กำเริบขึ้นเนื่องจากเบื่อหน่ายการสงคราม อเล็กซานเดอร์สิ้นพระชนม์ที่เมืองบาบิโลนในปีที่ 323 ก่อนคริสตกาล ก่อนจะเริ่มแผนการรบต่อเนื่องในการรุกรานคาบสมุทรอาระเบีย ในปีถัดจากการสิ้นพระชนม์ของอเล็กซานเดอร์เกิดสงครามกลางเมืองทั่วไปจนอาณาจักรของพระองค์แตกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้เกิดเป็นรัฐใหญ่น้อยมากมายปกครองโดยบรรดาขุนนางชาวมาซิโดเนีย
แม้ความเป็นผู้พิชิตของพระองค์จะโดดเด่นอย่างยิ่ง

แต่มรดกของอเล็กซานเดอร์ที่ยืนยงต่อมากลับมิใช่ราชบัลลังก์ กลายเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมที่ติดตามมาจากการพิชิตดินแดนเหล่านั้นการก่อร่างสร้างเมืองอาณานิคมกรีกและวัฒนธรรมกรีกที่เผยแพร่ไปในแดนตะวันออกทำให้เกิดเป็นวัฒนธรรมเฮเลนนิสติก ซึ่งยังคงสืบทอดต่อมาในจักรวรรดิไบแซนไทน์กระทั่งกลางคริสต์ศตวรรษที่ 15 อเล็กซานเดอร์เป็นบุคคลในตำนานในฐานะวีรบุรุษผู้ตามอย่างอคิลลีส มีบทบาทสำคัญ
ในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมปรัมปราทั้งของฝ่ายกรีกและที่ไม่ใช่กรีก เป็นหลักเกณฑ์มาตรฐานซึ่งบรรดานายพลทั้งหลายใช้เปรียบเทียบกับตนเองแม้จนถึงปัจจุบัน โรงเรียนการทหารทั่วโลกยังคงใช้ยุทธวิธีการรบของพระองค์เป็นแบบอย่างในการเรียนการสอน

ที่มา:http://www.happyvirus.com/front/webboard/webboard_detail.php?forum_id=3&pgid=1&tpid=147869&tppid=1

อันดับที่ 2 นักรบในตำนาน

เลโอไนดาสที่ 1 (อังกฤษ: Leonidas I) เป็นกษัตริย์ของชาวสปาร์ตัน ซึงนำกำลังทหารนักรบสปาร์ต้าจำนวนไม่มากนักไปต่อต้านกำลังทหารที่มีมากมายซึ่งมาจากจักรวรรดิเปอร์เซียที่ยกทัพมารุกรานนครรัฐกรีก

ประวัติสปาตัน

ประมาณปีพ.ศ.63 (480ปีก่อนค.ศ.) กองทัพเปอร์เซียของกษัตริย์เซอร์ซิสที่1 ได้นำกองทัพขนาดมหาศาลจำนวน500,000คน(ทัพบก250,000 ทัพเรือ250,000)เข้าตีดินแดนกรีกทางเขตมาซีโดเนีย เพื่อเป็นการล้างแค้นแทนพระบิดาของตน(กษัตริย์ดาริอุส)ที่เคยพ่ายแพ้สงครามแก่พันธมิตรแห่งกรีกในสงครามเปอร์เซียครั้งแรก(พ่ายแพ้การยุทธที่มาราธอน)และเป็นการเปิดฉากสงครามเปอร์เซียครั้งที่ 2

ด้วยความเข้มแข็งของทัพเปอร์เซียและแผนของแม่ทัพกรีกที่จะถ่วงเวลาเพื่อรวบรวมกำลัง กรีกจึงต้องยอมเสียเมืองเล็กเมืองน้อยให้ฝ่ายเปอร์เซียยึดไล่มาเรื่อยจนทัพเปอร์เซียมาถึงบริเวณช่องเขาแห่งหนึ่งคือ "เธอร์โมไพลาย"(Thermopylae)
ซึ่งเป็นปราการด่านสุดท้ายก่อนจะถึงนครเอเธนส์ ช่องเขานี้เองจะกลายเป็นสมรภูมิที่นองเลือดที่สุดแห่งหนึ่งในสงครามครั้งนั้น

ตอนนี้ทัพเปอร์เซียต้องมาเจอกับกองกำลังผสมของทหารเอเธนส์-สปาร์ตา-นครพันธมิตร จำนวน7,000นายซึ่งนำมาโดยกษัตริย์ "เลโอนิดาส"แห่งสปาร์ตาผู้เจนศึก แต่จำนวนทหารสปาร์ตาที่เชี่ยวชาญสงครามนั้นมีจำนวนแค่น้อยนิด เพราะว่าเวลานั้นเป็นช่วงเทศกาล"คาร์เนี่ยน"ที่ชาวสปาร์ตาเขาถือกันว่าไม่ควรออกทำศึก ทหารสปาร์ตาที่มาจึงเป็นกองกำลังเล็กๆ ของเลโอนิดาสที่คัดเลือกมานั่นเอง

(เทศกาล"คาร์เนี่ยน"จัดขึ้นในสปาร์ตายุคโบราณเพื่อบูชาเทพเจ้าอะพอลโล่ โดยเมื่อถึงเวลาชาวสปาร์ตาจะเก็บตัวและจัดงานฉลองอยู่ในบ้านเมืองตนเองเท่านั้น และห้ามทหารออกรบรึเข้าร่วมศึกสงครามใดๆ ทั้งสิ้น)

เมื่อกว่า2500ปีมาแล้ว กรีกไม่ได้รวมเป็นอาณาจักร แต่เป็นรัฐอิสระจำนวนมาก เช่น เอเธนส์ โครินธ์ และสปาทาซึ่งต่างก็มีกฎหมายและระบบการปกครองเป็นของตนเอง ชาวกรีกอยู่ภายใต้ความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรเปอร์เซีย ซึ่งมีอาณาเขตตั้งแต่ ตรุกี อียิปต์ตอนเหนือ

*แถมเกร็ดนิดหน่อยสมัยนั้นกรีกมีการปกครองแบบสาธารณรัฐ มีนครรัฐหลายแห่งมารวมตัวกัน ซึ่งนครเอเธนส์กะนครสปาร์ตานี้จะเป็นคู่กัดกันตลอด เพราะเอเธนส์เน้นการปกครองประชาธิปไตยกับการพัฒนาวัฒนธรรมมีกองทัพเรือที่แข็งแกร่งสุดส่วนสปาร์ตาเน้นด้านเผด็จการทหารมีกองทัพบกที่แกร่งสุด 2 นครนี้จึงต่างแย่งกันจะเป็นผู้นำของกรีก

รวมถึงจากการที่สปาร์ตาทอดทิ้งเอเธนส์ในสงครามเปอร์เซียครั้งแรก (ย้อนกับไปอ่านด้านบน) เมื่อพลนำสารเอเธนส์วิ่งทรหดจากหาดมาราธอนเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากกองทัพสปาร์ตาจนเป็นตำนานอันลือลั่น (ตำนานการวิ่งมาราธอน) แต่สปาร์ตาไม่ส่งกำลังมาช่วยเพราะอ้างว่าอาณาจักรของตนกำลังมีเทศกาล"คาร์เนี่ยน"อยู่ และเหตุการณ์ดันพลิกผันเมื่อเอเธนส์สามารถเอาชนะเปอร์เซียตอนนั้นได้ด้วยกำลังตนเอง และได้รับการยกย่องจากนครรัฐต่างๆ ของกรีกให้เป็นผู้นำ นครสปาร์ตาซึ่งอยากเป็นใหญ่จึงเริ่มมีอคติกับเอเธนส์มากขึ้น

กลับมาที่เทอโมไพลาย กษัตริย์เลโอนิดาสคะเนจากชัยภูมิแล้วจึงให้วางกำลังทหารส่วนหนึ่งไว้บนที่สูงและบริเวณปากช่องเขาพอทหารเปอร์เซียเดินทัพเข้ามาทางหุบเขาที่เป็นบริเวณแคบอยู่แล้วก็ถูกกำลังของเลโอนิดาสซุ่มโจมตีจนต้องสูญเสียไพร่พลไปจำนวนมาก

สองวันแรกของการรบนั้นสถาณการณ์อยู่ข้างฝ่ายกรีก ตอนแรกฝ่ายเปอร์เซียส่งทหารชาวเมเดส(Medes)เข้าเป็นหน่วยแนวหน้าแต่เมื่อชาวเมเดสอันเหี้ยมหาญต้องมาเจอกับยุทธวิธีแบบ"ฟาแลงซ์"(phalanx)ของชาวกรีกเข้าก็ต้องสิ้นท่าครับตายกันเกลื่อนบริเวณแม้ต่อมาเซอร์ซิสได้ส่งทหารหน่วยอมตะ(Immortal)จำนวน 10,000นายซึงเป็นทหารหน่วยที่เยี่ยมที่สุดเข้าต่อกรแต่ก็ให้ผลไม่แตกต่างกันการรบช่วงแรกชัยชนะจึงตกเป็นของกรีก

ระหว่างที่คิดหาทางจะโจมตีทัพกรีกอยู่นั้นก็เหมือนสวรรค์เข้าข้างเปอร์เซีย มีชาวกรีกทรยศชื่อ"เอพิเทส"(Ephialtes)ได้มาเสนอว่าจะพาเซอร์ซิสไปชมพื้นที่ของช่องเขาแห่งนี้โดยแลกกับรางวัล เอพิเทสพากษัตริย์เปอร์เซียไปชมช่องเขารอบๆ และเส้นทางแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่รกไปด้วยพุ่มไม้หนามแต่ว่าสามารถไปทะลุที่หลังค่ายชาวกรีกได้

(ต่อมาชื่อ"เอพิเทส"นี้ได้ถูกนำมาต่อท้ายกลายมาเป็นคำว่า"Ephialtes the tratiors" หรือเอพิเทสคนขายชาติ โดยชื่อของเขาได้กลายมาเป็นคำศัพท์ในภาษากรีกซึ่งถ้าแปลเป็นอังกฤษจะหมายความว่า "nightmare" ฝันร้ายนั่นเอง)

ในวันที่สามตอนรุ่งสางแม่ทัพเปอร์เซียได้นำทหารหน่วยอมตะจำนวนหนึ่งไปตามเส้นทางลับนี้และเจอกองทหารชาว"โพเชี่ยน"1,000นายซึ่งเลโอนิดาสให้มาเฝ้าเส้นทางไว้ ฝ่ายเปอร์เซียได้ทำการยิงห่าฝนธนูจำนวนมากไปยังทหารโพเชี่ยนที่ส่วนใหญ่ยังหลับอยู่ ก่อนเข้าประจัญบานจนทหารโพเชี่ยนแตกกระบวนถอยหนีไปหมด ทำให้เปอร์เซียสามารถตียึดเส้นทางนี้ได้อย่างง่ายดาย

เมื่อตะวันขึ้นเลโอนิดาสจึงทราบว่ากองทัพของตนตอนนี้ถูกล้อมกรอบเสียแล้วเขาจึงทำการเรียกประชุมแม่ทัพนายกองทั้งหมดโดยขุนศึกของเอเธนส์และนครกรีกอื่นๆ เสนอว่าควรถอยทัพกลับไปขณะที่ยังมีโอกาส หลังการประชุมกษัตริย์เลโอนิดาสจึงออกคำสั่งที่กล้าหาญเยี่ยงวีรบุรุษ

คำสั่งคือให้ทัพจากนครกรีกอื่นๆ ถอยทัพไปรวมพลกับกองทัพพันธมิตรที่ตั้งค่ายรออยู่ ส่วนตนเองพร้อมทหารสปาร์ตา "300"นายจะคอยยันถ่วงเวลาทหารเปอร์เซียไว้เพื่อให้ทัพกรีกหนีไปอย่างปลอดภัย โดยที่มีทหารจากนคร"เทปเซียน"(Thepsians)
จำนวน700นายซึ่งนำโดยแม่ทัพ"เดโมฟิลัส" ตัดสินใจที่จะอยู่ช่วยสปาร์ตาอีกแรงหนึ่งด้วย

โดยในวันนั้นเลโอนิดาสได้จัดการแจกจ่ายเสบียงให้ทหารของตนกินกันให้เต็มที่พร้อมทั้งกล่าวปลุกใจทหารของตนว่า(Tonight we will dine in Hell) "คืนนี้เราจะฉลองมื้อค่ำกันในนรกภูมิ" โดยหลังจากนั้นเมื่อทหารกรีกอื่นๆ เริ่มทยอยหนีจากค่ายไปแล้วทหารสปาร์ตา300นายและทหารเทปเซียนได้เดินทัพออกมาจากค่ายและได้เข้าประจัญบานกับทัพเปอร์เซียในที่โล่ง

ทหารหลายคนโดนธนูยิงตายตั้งแต่ยังไม่ตะลุมบอน ที่รอดจากคมธนูต่างต่อสู้อย่างถวายชีวิตด้วยรู้ว่าตนจะไม่มีโอกาสรอดกลับไปบ้านเกิดเมืองนอนแล้ว ทั้งหอกและดาบสั้นถูกนำมาใช้ประมือกันในระยะใกล้อย่างเหี้ยมโหด ถึงแม้ทหารสปาร์ตาแต่ละคนจะเป็นเผ่าพันธุ์นักรบและได้รับการฝึกมาอย่างดี แต่ด้วยจำนวนเพียงน้อยนิดจึงทำให้ตกเป็นรองและถูกฝ่ายเปอร์เซียฆ่าล้างบางจนเกลี้ยงหนึ่งในจำนวนนี้ยังรวมถึงกษัตริย์เลโอนิดาสซึ่งได้ทรงสิ้นพระชนม์ในที่รบนั้นด้วย จากนั้นทัพเปอร์เซียได้ทำการล้อมค่ายของชาวกรีกที่ตอนนี้เหลือทหารเทปเซียนและธีบานส์อยู่ไม่มาก ทหารกรีกที่เหลือในค่ายตอนนี้ต่างเข้าทำการรบครั้งสุดท้ายอย่างไว้ลายด้วยอาวุธทุกอย่างที่พอจะหามาได้

ส่วนทหารธีบานส์ภายใต้การคุมของแม่ทัพ"เลออนไธเดส"ได้แสดงความขี้ขลาดออกมาโดยได้ยกมือทิ้งอาวุธยอมจำนนทันทีแต่ชาวเปอร์เซียซึ่งไม่ฟังเสียงก็ได้ทำการล้อมค่ายแล้วยิงธนูเป็นห่าฝนเข้าสังหารทหารในค่ายที่เหลือจนเกือบหมด

เมื่อเสร็จศึกบริเวณช่องเขากษัตริย์เซอร์ซิสได้ทำการตัดหัวของเลโอนิดาสจากร่างอันสิ้นลมของเขาและนำร่างที่เหลือไปตรึงกับแผ่นไม้แต่ภายหลังกษัตริย์เซอร์ซิสรู้สึกว่าตนลบหลู่เกียรติของกษัตริย์เลโอนิดาสผู้ห้าวหาญจึงได้สำนึกเสียใจขึ้นมา

พระองค์จึงสั่งให้บรรจุศพของเลโอนิดาสไปฝังอย่างสมเกียรติและทำแท่นหินรูปสิงโตปักไว้เหนือหลุมในบริเวณช่องเขาเธอร์ไมโพลีนั่นเอง40ปีต่อมาพระศพของเลโอนิดาสจึงถูกส่งคืนกลับสปาร์ตา

จากเหตุการณ์นี้ทำให้เปอร์เซียสูญกำลังรบหลักไปหลายหมื่นนายด้วยน้ำมือของทหารสปาร์ตาแค่ไม่กี่หยิบมือ กษัตริย์เซอร์ซิสจึงเร่งเดินทัพไปจนถึงกรุงเอเธนส์และทำการเผาเมืองจนวอดวายไปหมดด้วยความแค้น แต่ทว่าชาวเมืองไหวตัวทันก่อนและได้ชิงหลบหนีไปหมดแล้วจึงเป็นการเผาเมืองเปล่าๆ

ส่วนทหารพันธมิตรนั้นได้ย้ายกองทัพไปซ่อนที่เมืองชายฝั่งบนเกาะแห่งหนึ่งชื่อ"ซาลามิส"เพื่อรอรับการโมตีจากเปอร์เซียเมื่อกองเรือเปอร์เซียตามมาทันแม่ทัพกรีก"เธมิสโตคลิส"จึงสั่งให้ทัพเรือเอเธนส์ระดมยิงลูกไฟจากเรือ เพื่อทำการโจมตีแบบไม่ให้เปอร์เซียตั้งตัวและทำการหันหัวเรือเข้าชนเรือเปอร์เซียจนเสียหายไปมากถึง 200กว่าลำ (เรือกรีกสมัยนั้นนิยมทำหัวให้แหลมและติดเหล็กยาวปลายแหลมที่ทำเป็นรูปต่างๆไว้เพื่อสะดวกเวลาพุ่งชนเรือข้าศึกให้จมลง)
ทัพเรือเปอร์เซียทนความสูญเสียไม่ไหวจึงต้องถอนทัพกลับ ส่วนทัพบกนั้นได้เข้าตะลุมบอนกับทัพพันธมิตรกรีก ซึ่งตอนนี้ได้ระดมพลมาได้จำนวนมาก (รวมทั้งจากนครสปาร์ตาที่ตอนนี้หมดหน้าเทศกาลคาร์เนี่ยนแล้ว) ทัพกรีกเวลานี้มีการเตรียมตัวมาอย่างดีและก็เป็นกรีกที่ชนะได้เกือบจะทุกสมรภูมิ จนการรบไปจบลงที่สมรภูมิสุดท้ายบริเวณเมือง"พลาเทีย"ซึ่งหลังจากนั้นแม่ทัพกรีกได้มีการตั้งฆ่าหัวของเอพิเทสที่ทรยศชาวกรีกไว้ด้วย ต่อมาชายชื่อ"อาเธนาเดส"ได้เป็นผู้สังหารเอพิเทสผู้ทรยศ

เมื่อกองทัพเปอร์เซียต่างพากันพ่ายแพ้อย่างหมดรูปกษัตริย์เซอร์ซิสจึงต้องจำใจยกทัพที่เหลือกลับอาณาจักรเป็นการปิดฉากสงครามเปอร์เซียลงอย่างสิ้นเชิง (เพราะหลังจากนั้นอาณาจักรเปอร์เซียเริ่มอ่อนแอลงและไม่มีกำลังพอจะก่อสงครามใหญ่ๆ ขนาดนี้ได้อีก จนปีพ.ศ.209"อเล็กซานเดอร์มหาราช" ได้เป็นผู้นำกองทัพชาวกรีกไปบดขยี้ชาวเปอร์เซียถึงถิ่น จนชนชาติเปอร์เซียต้องดับสูญลงอย่างถาวร)


ที่มา:http://www.happyvirus.com/front/webboard/webboard_detail.php?forum_id=3&pgid=1&tpid=147869&tppid=1